ผู้ให้บริการด้านการทำเว็บไซต์และการตลาดออนไลน์
  • หน้าแรก
  • »
  • บทความ
  • »
  • Googlebot คืออะไร? ไขความลับเบื้องหลังการทำงานที่สาย SEO ต้องรู้!

Googlebot คืออะไร? ไขความลับเบื้องหลังการทำงานที่สาย SEO ต้องรู้!

Googlebot คืออะไร? ไขความลับเบื้องหลังการทำงานที่สาย SEO ต้องรู้!

สำหรับธุรกิจที่มีเว็บไซต์ การทำ SEO (Search Engine Optimization) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการทำ SEO ให้ได้ประสิทธิภาพจนเว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ บนหน้าการค้นหาของ Google จะช่วยเพิ่มปริมาณ Traffic สู่เว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ และที่สำคัญคือช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจมีการเติบโตระยะยาวอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม การที่เว็บไซต์ของธุรกิจจะสามารถก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ในหน้าการค้นหาได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเว็บไซต์ต้องผ่านการประเมินตามหลัก SEO ของ Google อย่างครบถ้วน ซึ่ง Google bot มีบทบาทสำคัญในการเข้ามาประเมินคุณภาพของเว็บไซต์ตามเกณฑ์ต่าง ๆ

หากคุณเป็นนักการตลาดออนไลน์หรือผู้ที่สนใจการทำ SEO และต้องการทราบว่า Googlebot คืออะไร? ทำงานอย่างไร และการเข้าใจการทำงานของ Google bot จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับได้อย่างไร บทความนี้ FIRSTRANK+ ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการทำงานของ Google bot ที่นักทำ SEO ควรรู้ไว้ให้แล้ว

สารบัญ

GoogleBot คืออะไร? ทำไมนักทำ SEO ต้องรู้จัก

“Google bot” หรือที่มักเรียกกันว่า “บอต” คือโปรแกรมที่ Google ใช้ในการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาเว็บเพจ ข้อความ ไฟล์ รูปภาพ วิดีโอ และข้อมูลผู้ใช้งาน เพื่อนำมาประมวลผลเพื่อจัดอันดับในการแสดงผลบนหน้าเสิร์ช (ที่รู้จักกันว่า Ranking)

การทำงานของ Bot จะเริ่มต้นจากการเข้าไปยัง Sitemap ของแต่ละเว็บไซต์ เพื่อตรวจสอบและเก็บข้อมูลทุกครั้งที่มีการอัปโหลดหน้าใหม่หรือแก้ไขเนื้อหาบนเว็บไซต์ และจะมีการจดจำและเปรียบเทียบข้อมูลใหม่กับข้อมูลเดิมเพื่อคงความแม่นยำในอันดับที่แสดงบนหน้าเสิร์ช การเปลี่ยนแปลงเนื้อหาจึงอาจส่งผลต่ออันดับได้ ทำให้บางครั้งเจ้าของเว็บไซต์ที่ติดอันดับแล้วไม่นิยมแก้ไขข้อมูลเว้นแต่มีความจำเป็นที่ต้องอัปเดตข้อมูลสำคัญ

หากมีส่วนของเว็บไซต์ที่ไม่ต้องการให้ Bot เข้าถึง สามารถกำหนดในไฟล์ robots.txt เพื่อบอก Googlebot ว่าควรเข้าถึงหรือหลีกเลี่ยงส่วนใดของเว็บไซต์ ช่วยให้การจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เพื่อให้มั่นใจว่า Bot ได้เข้าเก็บข้อมูลเว็บไซต์แล้ว สามารถตรวจสอบได้โดยพิมพ์ site: ตามด้วย URL ของเว็บไซต์ในแถบที่อยู่ (address bar) นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการจัดการ SEO และติดตามคุณภาพเว็บไซต์อย่างละเอียด แนะนำให้ใช้เครื่องมือ Google Search Console ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพเว็บไซต์ ช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับสูงขึ้นบนหน้าเสิร์ช

Googlebot คืออะไร? ไขความลับเบื้องหลังการทำงานที่สาย SEO ต้องรู้!

4 ขั้นตอนการทำงานของ Google Bot

Google bot ทำงานในหลายขั้นตอนเพื่อสร้างข้อมูลที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน โดยสามารถสรุปได้เป็น 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ Crawling, Rendering, Indexing, และ Ranking ซึ่งในแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดที่สำคัญต่อการแสดงผลของเว็บไซต์บนหน้าค้นหา

1. Crawling

การ Crawling คือขั้นตอนแรกของ Google bot ในการสำรวจเว็บไซต์ต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ต โดย Bot เหล่านี้จะทำการเข้าเยี่ยมชมหน้าเว็บเพื่อรวบรวมข้อมูล โดยวิธีการทำงานคือการติดตามลิงก์จากหน้าเว็บหนึ่งไปยังอีกหน้าเว็บหนึ่ง ซึ่งทำให้ Google bot สามารถเก็บข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว
Google bot จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการรวบรวมโครงสร้างเว็บไซต์และการเชื่อมโยงต่าง ๆ ซึ่งมีผลต่อการเข้าถึงหน้าเว็บ โดยยิ่งหน้าเว็บมีการเชื่อมโยงภายในที่ดีเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้ Google bot สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสให้หน้าเว็บถูกจัดเก็บและปรากฏในผลการค้นหา

2. Rendering

เมื่อทำการ Crawling เสร็จสิ้น Google bot จะเข้าสู่ขั้นตอน Rendering ซึ่งเป็นกระบวนการแปลงข้อมูลที่เก็บได้ให้เป็นหน้าเว็บจริง ๆ ที่ผู้ใช้งานจะเห็นเมื่อเข้าชม ในขั้นตอนนี้ Google bot จะประมวลผล JavaScript และ CSS เพื่อแสดงหน้าเว็บอย่างสมบูรณ์
การปรับแต่งหน้าเว็บให้เข้ากับการแสดงผลของ Google bot จะช่วยให้ Bot สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้มากขึ้น การใช้เทคนิค Lazy Loading หรือการโหลดเนื้อหาช้าเกินไปอาจทำให้ Bot พลาดเนื้อหาสำคัญ และส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับได้

3. Indexing

ขั้นตอน Indexing คือการจัดเก็บข้อมูลที่ Google bot ได้รวบรวมและประมวลผลไว้ในฐานข้อมูลของ Google หรือที่เรียกว่า “Google Index” การเก็บข้อมูลนี้มีความสำคัญเนื่องจากทำให้ Google สามารถดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลนี้มาแสดงผลในการค้นหาได้อย่างรวดเร็ว
การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลนี้สามารถทำได้โดยการใส่คำอธิบาย (Meta Descriptions) และการใช้โครงสร้างข้อมูล (Structured Data) ซึ่งช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาและสามารถแสดงผลได้ตรงกับคำค้นหาของผู้ใช้มากขึ้น

4. Ranking

ขั้นตอนสุดท้ายของการทำงานของ Google bot คือ Ranking หรือการจัดอันดับหน้าเว็บ โดย Google จะใช้ปัจจัยหลายอย่างในการประเมินและให้คะแนนหน้าเว็บ เช่น ความเกี่ยวข้องของเนื้อหา คุณภาพของลิงก์ภายในและภายนอก รวมถึงประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience)
การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ได้คะแนนสูงในขั้นตอนนี้คือการใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้อง การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า และการทำให้หน้าเว็บมีการโหลดเร็ว รวมถึงการใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การใช้ Backlinks ที่มีคุณภาพและการทำให้เว็บไซต์เหมาะกับการใช้งานบนมือถือ

บทสรุป

Google bot เป็นปัจจัยสำคัญที่นักทำ SEO ต้องทำความเข้าใจเพื่อวางแผนและปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสม ตั้งแต่การ Crawling, Rendering, Indexing และ Ranking การทำให้เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้ง่ายและโหลดเร็ว จะช่วยให้ Googlebot จัดเก็บและจัดอันดับหน้าเว็บได้ดีขึ้น ทั้งนี้ ผู้ดูแลเว็บไซต์ควรใช้เครื่องมืออย่าง Google Search Console เพื่อติดตามและปรับแต่งให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง