ผู้ให้บริการด้านการทำเว็บไซต์และการตลาดออนไลน์

สินค้าและบริการของ FirstRankPlus

นโยบายความเป็นส่วนตัว

รายการนโยบายความเป็นส่วนตัวเว็บไชต์ FirstRankPlus
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2566

นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ถือเป็นข้อตกลงระหว่างคุณกับเราไม่ว่าจะเป็นการส่วนตัวหรือในนามหน่วยงาน ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ลูกค้า” และบริษัท เฟิสต์แรงค์ จำกัด ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัท” เพื่อซื้อสินค้าและบริการภายในเว็บไซต์ FirstRankPlus ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “สินค้าและบริการ” โดยตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ภายใต้ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 

การบังคับใช้

นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ครอบคลุมถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ รวมถึงบุคคลที่ดำเนินการในนามนิติบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น กรรมการ ที่ปรึกษา คณะผู้บริหาร และ/หรือบุคคลใด ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับบุคลลากรของบริษัท “ลูกค้า” หมายถึงบุคคลที่เป็นเป้าหมายในการดำเนินงานขายสินค้าและบริการของบริษัท และหมายความรวมถึง ผู้เข้าร่วมแคมเปญหรือกิจกรรมทางการตลาดของบริษัท ผู้ให้ความสนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทผ่านช่องทางต่าง ๆ และ/หรือ ผู้ใช้บริการต่าง ๆ ของบริษัทผ่านสื่อออนไลน์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ แล้วแต่กรณี รวมถึงผู้มีอำนาจดำเนินการแทนลูกค้าตามกฎหมาย แล้วแต่กรณี เช่น ผู้ใช้อำนาจปกครองของผู้เยาว์ ผู้อนุบาลของผู้ไร้ความสามารถ ผู้พิทักษ์ของผู้เสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น 

ข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึงข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวตนบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เลขประจำตัวประชาชน เลขบัตรประกันสังคม เลขประจำตัวผู้เสียภาษี ที่อยู่อีเมล (Email-Address) IP Address, Cookie ID, Log File เป็นต้น แต่อย่างไรก็ดีข้อมูลดังต่อไปนี้ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลการติดต่อทางธุรกิจที่ไม่มีการระบุถึงตัวบุคคล ชื่อบริษัท ที่อยู่ของบริษัท เลขทะเบียนนิติบุคคล หมายเลขโทรศัพท์ที่ทำงาน ที่อยู่อีเมลที่ใช้ในการทำงาน หรือที่อยู่อีเมล์ของกลุ่มบริษัท ข้อมูลนิรนาม หรือข้อมูลแฝงที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และ/หรือข้อมูลผู้ถึงแก่กรรม เป็นต้น

ทั้งนี้ ต่อไปในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ หากไม่มีการกล่าวโดยเฉพาะเจาะจงจะเรียก “ข้อมูลส่วนบุคคล” และ “ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน” ที่เกี่ยวกับผู้ใช้บริการข้างต้นให้รวมกันเรียกว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล”

ในกรณีที่บริษัทได้รับสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ใช้บริการ เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตัวตนในการก่อนิติสัมพันธ์ทางกฎหมาย และ/หรือการทำธุรกรรมใด ๆ กับบริษัท บริษัทไม่มีนโยบายการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน (Sensitive Data) อาทิ ข้อมูลศาสนา ยกเว้นในกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการ ทั้งนี้บริษัทจะกำหนดวิธีการจัดการตามแนวทางปฏิบัติและเป็นไปตามที่กฎหมายอนุญาต

บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการต่อเมื่อ

  1. ลูกค้าได้ซื้อสินค้าและบริการบนเว็บไซต์ของบริษัท หรือลงทะเบียน และ/หรือสมัครบัญชีสำหรับใช้ซื้อสินค้าและบริการกับบริษัท
  2. เมื่อลูกค้าส่งแบบฟอร์ม หรือซื้อสินค้าและบริการใด ๆ บนเว็บไซต์ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์หรือรูปแบบเอกสาร
  3. เมื่อลูกค้าทำข้อตกลงใด ๆ หรือลูกค้าให้ข้อมูลสำหรับติดต่อระหว่างลูกค้ากับบริษัท
  4. เมื่อลูกค้าทำการซื้อสินค้าและ/หรือบริการด้วยช่องทางการชำระเงินของทางบริษัท
  5. เมื่อลูกค้าทำการซื้อสินค้าและ/หรือบริการ บนเว็บไซต์ของบริษัท
  6. เมื่อลูกค้าได้อนุญาตให้บริษัทเข้าถึงบัญชีโซเชี่ยลมีเดียของลูกค้า หรือลูกค้าทำการเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีโซเชี่ยลมีเดีย ภายใต้ข้อกำหนดของแพลตฟอร์มโซเชี่ยลมีเดีย

บริษัทจะเก็บข้อมูลใดไว้บ้าง

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐาน
    คำนำหน้า ชื่อ นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด อายุ เลขที่ประจำตัวประชาชน ที่อยู่ปัจจุบัน ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน อีเมล หมายเลขโทรศัพท์
  2. ข้อมูลการติดต่อ
    เช่น บัญชีผู้ใช้งาน ประวัติการใช้งาน เป็นต้น
  3. หลักฐานแสดงตัวตน
    เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง เป็นต้น
  4. ข้อมูลการทำธุรกรรมและการเงิน
    เช่น ประวัติการสั่งซื้อ รายละเอียดบัตรเครดิต บัญชีธนาคาร เป็นต้น
  5. ข้อมูลทางเทคนิค
    เช่น IP address, Cookie ID, ประวัติการใช้งานเว็บไซต์ (Activity Log) เป็นต้น
  6. ข้อมูลอื่น ๆ
    – ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล
    – ชื่อบัญชีโซเชียลมีเดีย (Facebook, Line)
    – ชื่อบัญชี Google Account
    – ข้อมูลผู้ใช้งานบนโซเชียลมีเดียอื่น ๆ
    – ข้อมูลผู้ใช้งานที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน
    – ข้อมูลทางการเงิน เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร บัญชีธนาคาร หน้าเล่มสมุดบัญชีธนาคาร
    – ข้อมูลการติดต่อกับบริษัท เช่น ข้อมูลภาพหรือเสียงเมื่อลูกค้ามีการติดต่อกับบริษัท ข้อความแชทบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ทางบริษัทเปิดให้บริการ
  7. ลูกค้าตกลงที่จะไม่ส่งมอบข้อมูลใด ๆ ที่ไม่ถูกต้อง หรือข้อมูลที่ถูกดัดแปลงที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดให้แก่บริษัท และลูกค้าจะแจ้งให้บริษัททราบถึงความไม่ถูกต้องหรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลนั้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะขอให้ลูกค้าส่งมอบเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้สำหรับการยืนยันข้อมูลที่ลูกค้าได้ให้ไว้ ตามที่บริษัทเห็นสมควร
  8. หากลูกค้าต้องการให้บริษัทลบข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า สามารถแจ้งการขอลบข้อมูลให้เป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางการติดต่อของบริษัท

ผู้เยาว์

หากลูกค้ามีอายุต่ำกว่า 20 ปี หรือมีข้อจำกัดความสามารถตามกฎหมาย บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า บริษัทอาจจำเป็นต้องให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองให้ความยินยอมหรือที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ หากบริษัททราบว่ามีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้เยาว์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง บริษัทจะดำเนินการลบข้อมูลนั้นออกจากเซิร์ฟเวอร์ 

การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

  1. เพื่อสร้างและจัดการบัญชีผู้ใช้งาน
  2. เพื่อจัดส่งสินค้าและ/หรือบริการ
  3. เพื่อปรับปรุงสินค้า บริการ หรือประสบการณ์การใช้งาน
  4. เพื่อการบริหารจัดการภายในบริษัท
  5. เพื่อการตลาดและการส่งเสริมการขาย
  6. เพื่อการบริการหลังการขาย
  7. เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะ
  8. เพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการ
  9. เพื่อปฏิบัติตามข้อตกลงและเงื่อนไข (Terms and Conditions)
  10. เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของหน่วยงานราชการ

แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทดำเนินการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้า ผ่านกระบวนการ ดังนี้

  1. ข้อมูลที่ให้กับบริษัทโดยตรง เช่น ข้อมูลที่ปรากฏในการสมัครใช้บริการ รวมถึงเอกสารประกอบต่าง ๆ คำขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลอื่น คำขอซื้อสินค้าและบริการหรือคำขอข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับสินค้าและบริการของบริษัท ข้อมูลการร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้าและ/หรือบริการ ข้อมูลที่ใช้สมัครลงทะเบียนสร้างบัญชีการใช้งานกับบริษัทเพื่อซื้อสินค้าและบริการของบริษัททั้งทางช่องทางออฟไลน์และช่องทางออนไลน์ ข้อมูลที่ลูกค้าติดต่อกับบริษัทไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารในรูปแบบหนังสือหรืออิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนข้อมูลที่ลูกค้าให้กับบริษัทผ่านการทำแบบสำรวจ การให้ข้อเสนอแนะหรือข้อคิดเห็นผ่านช่องทาง ต่าง ๆ การติดต่อผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของทางบริษัท เป็นต้น
  2. ข้อมูลที่บริษัทจัดเก็บอัตโนมัติ เมื่อลูกค้าเข้าใช้บริการผ่านระบบของบริษัทหรือเข้าชมเว็บไซต์ของบริษัทผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์ แล็บท็อป เป็นต้น ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า “คุกกี้” หรือ เทคโนโลยีอื่นที่มีลักษณะการทำงานเหมือนหรือคล้ายกัน
  3. ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก หรือข้อมูลสาธารณะที่เชื่อถือได้ เช่น กรมการปกครอง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า แหล่งข้อมูลเชิงพาณิชย์ เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน แหล่งข้อมูลสื่อสังคมออนไลน์ ผู้ให้บริการข้อมูล หน่วยงานหรือบริษัทหรือสมาคมหรือสมาพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของลูกค้า เป็นต้น
  4. ข้อมูลที่ลูกค้าติดต่อกับบริษัท พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน คู่ค้าหรือพันธมิตรของบริษัท ผู้รับมอบอำนาจหรือผู้กระทำการแทน หรือบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับมอบหมายจากบริษัทผ่านทางช่องทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน สื่อสังคมออนไลน์ โทรศัพท์ อีเมล การประชุม การสัมภาษณ์ ข้อความสั้น (SMS) หรือโดยวิธีการอื่นใด
  5. ข้อมูลที่ลูกค้าร่วมทำกิจกรรมกับบริษัท ที่จัดขึ้นโดยบริษัทและ/หรือคู่ค้าหรือพันธมิตรที่ร่วมทำกิจกรรมกับบริษัท หรือบริษัทมอบหมายหรืออนุญาตให้ทำกิจกรรมดังกล่าว เมื่อผู้ใช้บริการตกลงและยินยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลภายนอกแก่บริษัท ซึ่งบุคคลภายนอกดังกล่าว รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า ไม่ว่าทางธุรกิจหรือทางอื่นใด เช่น สมาชิกในครอบครัว เป็นต้น ลูกค้ารับรองและรับประกันความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น และลูกค้ารับรองและรับประกันว่าลูกค้าได้แจ้งให้บุคคลเหล่านั้นทราบอย่างครบถ้วนแล้วเกี่ยวกับประกาศความเป็นส่วนตัวนี้

วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะดำเนินการจัดเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ภายใต้ที่กฏหมายได้มีการกำหนดไว้ ตามวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

  1. เพื่อใช้ในการดำเนินการยืนยันตัวตนของลูกค้าว่ามีตัวตนอยู่จริง และเพื่อเปิดการใช้งานบริการของทางบริษัท
  2. เพื่อใช้ในการติดต่อกับลูกค้าในกรณีที่เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้น
  3. เพื่อวัตถุประสงค์ในการรับข่าวสาร หรือข้อมูล เพื่อส่งเสริมทางการตลาดและการส่งเสริมการขาย หรือเสนอข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์, สินค้าและบริการอื่น ๆ
  4. เพื่อการป้องกันอาชญากรรมและการฉ้อโกง รวมถึงการรักษาความปลอดภัยของระบบและเครือข่าย เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล

การเก็บรวบรวมข้อมูลอื่น ๆ

  1. ในการเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทจะมีการจัดเก็บที่อยู่ IP ของอุปกรณ์ (Internet Protocol/IP) เพื่อช่วยจดจำการเข้าสู่ระบบของลูกค้าในครั้งล่าสุดได้ และข้อมูลนี้จะถูกนำไปใช้ในเชิงสถิติที่ไม่ระบุตัวตนเพื่อช่วยให้บริษัทพัฒนาการให้บริการแก่ลูกค้าต่อไป
  2. ข้อมูลตำแหน่งของลูกค้าโดยประมาณ โดยการใช้ ที่อยู่ IP ของผู้ใช้บริการในการประเมินที่อยู่โดยประมาณของลูกค้า เพื่อช่วยในการระบุสถานที่ที่ลูกค้าได้ทำการเข้าสู่ระบบครั้งล่าสุด

บริษัทคุ้มครองและเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลอย่างไรบ้าง

  1. บริษัทมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้ภายใต้มาตรการความปลอดภัยต่าง ๆ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยความพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่อยู่บนระบบของบริษัทมีความปลอดภัย ข้อมูลส่วนบุคคลจะมีการเก็บไว้บนเครือข่ายที่มีความปลอดภัย และสามารถเข้าถึงได้เพียงพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น ซึ่งจะเป็นบุคคลที่มีสิทธิพิเศษในการเข้าถึงระบบดังกล่าว อย่างไรก็ตามบริษัทไม่สามารถประกันความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์

บริษัทเปิดเผยข้อมูลแก่บุคคลภายนอกหรือไม่

  1. บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลภายนอก เว้นแต่เป็นหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท หรือบริษัทอื่นในกลุ่มของบริษัท
  2. บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าต่อบุคคลภายนอก ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือยินยอมให้บุคคลภายนอกสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัทเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน
  3. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมหรือที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ โดยมีการบริหารจัดการภายในองค์กร
  4. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าภายในบริษัทเท่าที่จำเป็นเพื่อปรับปรุงและพัฒนาสินค้าและบริการ บริษัทอาจรวบรวมข้อมูลภายในสำหรับสินค้าและบริการต่าง ๆ ภายใต้นโยบายนี้เพื่อประโยชน์ของลูกค้าและผู้อื่นมากขึ้น

ระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่เป็นลูกค้าหรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัทหรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายฉบับนี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้น หากมีกฎหมายกำหนดไว้ บริษัทจะลบ ทำลาย หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของลูกค้าได้ เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ลูกค้ามีสิทธิในการดำเนินการ ดังต่อไปนี้

  1. สิทธิขอถอนความยินยอม (right to withdraw consent) หากลูกค้าได้ให้ความยินยอม บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ได้ให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น ลูกค้ามีสิทธิถอนความยินยอมได้ตลอดเวลา
  2. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล (right to access) ลูกค้ามีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทและขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ลูกค้า รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าได้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ามาได้อย่างไร
  3. สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล (right to data portability) ลูกค้ามีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
  4. สิทธิขอคัดค้าน (right to object) ลูกค้ามีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่บริษัทสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผลหรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์
  5. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล (right to erasure/destruction) ลูกค้ามีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ หากเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
  6. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล (right to restriction of processing) ลูกค้ามีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของผู้ใช้บริการหรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ผู้ใช้บริการขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
  7. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล (right to rectification) ลูกค้ามีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  8. สิทธิร้องเรียน (right to lodge a complaint) ลูกค้ามีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากผู้ใช้บริการเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ลูกค้าสามารถใช้สิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นได้ โดยติดต่อมาที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทตามรายละเอียดท้ายนโยบายนี้ บริษัทจะแจ้งผลการดำเนินการภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่บริษัทได้รับคำขอใช้สิทธิจากลูกค้า ตามแบบฟอร์มหรือวิธีการที่บริษัทกำหนด ทั้งนี้ หากบริษัทปฏิเสธคำขอบริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น

การโฆษณาและการตลาด

  1. เพื่อประโยชน์ในการได้รับสินค้าและบริการ บริษัทใช้ข้อมูลของลูกค้าเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงสินค้าและบริการ และทำการตลาดผ่าน Google, Facebook และอื่น ๆ บริษัทใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้สินค้าหรือบริการเหมาะสมกับผู้ใช้บริการ
  2. บริษัทอาจส่งข้อมูลหรือจดหมายข่าวไปยังอีเมลของลูกค้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอสิ่งที่น่าสนใจ หากลูกค้าไม่ต้องการรับการติดต่อสื่อสารจากบริษัทผ่านทางอีเมลอีกต่อไป สามารถกด “ยกเลิกการติดต่อ” ในลิงค์อีเมลหรือติดต่อมายังอีเมลของบริษัทได้

เทคโนโลยีติดตามตัวบุคคล (Cookies)

เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานให้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัทใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน เพื่อพัฒนาการเข้าถึงสินค้าหรือบริการ โฆษณาที่เหมาะสม และติดตามการใช้งานของลูกค้า บริษัทใช้คุกกี้เพื่อระบุและติดตามผู้ใช้งานเว็บไซต์และการเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัท หากลูกค้าไม่ต้องการให้มีคุกกี้ไว้ในคอมพิวเตอร์ ลูกค้าสามารถตั้งค่าบราวเซอร์เพื่อปฏิเสธคุกกี้ก่อนที่จะใช้เว็บไซต์ของบริษัทได้ นโยบายคุกกี้

การแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

ในกรณีที่มีเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเกิดขึ้น บริษัทจะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้ใช้บริการ บริษัทจะแจ้งการละเมิดให้ทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น 

การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว

บริษัทอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นครั้งคราว โดยลูกค้าสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัท 

นโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์อื่น

นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ใช้สำหรับการเสนอสินค้า บริการ และการใช้งานบนเว็บไซต์สำหรับลูกค้าของบริษัทเท่านั้น หากคุณเข้าชมเว็บไซต์อื่นแม้จะผ่านช่องทางเว็บไซต์ของบริษัท การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ จะเป็นไปตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์นั้น ซึ่งบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย 

กฎหมายที่ใช้บังคับ

ลูกค้ารับทราบและตกลงให้ประกาศความเป็นส่วนตัวนี้ อยู่ภายใต้การบังคับและการตีความตามกฎหมายไทยและศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาทใดที่อาจเกิดขึ้น