ผู้ให้บริการด้านการทำเว็บไซต์และการตลาดออนไลน์

แนะนํา 10 E Commerce Platform ที่ดีที่สุดในปี 2567

ในยุคที่การขายของออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การเลือกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มยอดขายและทำให้การจัดการร้านค้าออนไลน์ของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บทความนี้ จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 10 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ (E Commerce Platform) ที่ได้รับความนิยมที่สุดในปี 2567 พร้อมแนะนำฟีเจอร์เด่นที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจของคุณ
และสำหรับผู้ประกอบการท่านใดที่สนใจหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์ e-commerce หรือการทำ SEO สามารถติดต่อเข้ามาสอบถามหรือขอคำปรึกษากับ FirstRank+ ได้เลย เรามีทีมงานที่เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ รับทำเว็บไซต์ธุรกิจและบริษัท รับทำเว็บ e-commerce อย่างครบวงจร

สารบัญ

E Commerce Platform คืออะไร?

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซคือเครื่องมือสำเร็จรูปที่ช่วยให้คุณสร้างและจัดการร้านค้าออนไลน์ได้ง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นระบบการจัดการสินค้า ระบบชำระเงิน หรือระบบจัดการคำสั่งซื้อ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่รองรับการขายออนไลน์ เช่น การติดตามสถานะคำสั่งซื้อ การรีวิวสินค้า และการเชื่อมต่อกับบริการขนส่ง
แพลตฟอร์มเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุนในการพัฒนาเว็บไซต์เอง หรือแม้แต่ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการร้านค้า

10 E Commerce Platform ที่คุณไม่ควรพลาดในยุคดิจิทัล

1. Shopee – แพลตฟอร์มยอดฮิตสำหรับคนไทย

แนะนํา 10 E Commerce Platform ที่ดีที่สุดในปี 2567
Shopee เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย ด้วยจำนวนฐานลูกค้าจำนวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเปิดร้านขายสินค้าบน Shopee เป็นเรื่องที่ง่ายดาย ผู้ขายสามารถลงสินค้าได้หลากหลายหมวดหมู่ เช่น แฟชั่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ของใช้ในบ้าน และอื่นๆ
นอกจากนี้ Shopee ยังมีระบบหลังบ้านที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ผู้ขายจัดการออเดอร์ ตอบแชทลูกค้า และติดตามสถานะการจัดส่งสินค้าได้อย่างสะดวก มีการสนับสนุนจากทีมงานที่พร้อมช่วยเหลือ และยังมีฟีเจอร์รีวิวสินค้าจากลูกค้า ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้า ระบบชำระเงินที่หลากหลายและเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการขนส่งที่มีความน่าเชื่อถือ ทำให้การซื้อขายใน Shopee เป็นไปอย่างราบรื่น

2. Lazada – คู่แข่งสำคัญที่ตอบโจทย์ธุรกิจออนไลน์

แนะนํา 10 E Commerce Platform ที่ดีที่สุดในปี 2567
Lazada เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ Shopee โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างธุรกิจออนไลน์ ระบบจัดการร้านค้าของ Lazada ออกแบบมาให้ครอบคลุมตั้งแต่การลงขายสินค้า การจัดการสต๊อกสินค้า การพิมพ์ใบปะหน้า และการติดตามออเดอร์ ผู้ขายสามารถลงสินค้าได้หลายหมวดหมู่ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขยายฐานลูกค้า นอกจากนี้ยังมีระบบการชำระเงินที่หลากหลาย รองรับทุกความต้องการของผู้ซื้อ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์รีวิวจากลูกค้า ที่ช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าอีกด้วย

3. Facebook Marketplace – โอกาสใหม่ของการขายผ่านโซเชียลมีเดีย

แนะนํา 10 E Commerce Platform ที่ดีที่สุดในปี 2567
Facebook Marketplace เป็นฟีเจอร์ที่พัฒนาโดย Facebook เพื่อช่วยให้การขายสินค้าออนไลน์เป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ขายที่ต้องการลงสินค้าโดยไม่ต้องสร้างเพจหรือเว็บไซต์ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ขายสามารถโพสต์สินค้าและบริการได้ทันที พร้อมโปรโมทหรือโฆษณาสินค้าผ่านระบบการยิงโฆษณาของ Facebook ทำให้สินค้าเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีระบบการพูดคุยผ่าน Messenger ทำให้การตอบแชทลูกค้าสะดวกและง่ายดาย

4. Magento – ความยืดหยุ่นที่ปรับแต่งได้ตามต้องการ

แนะนํา 10 E Commerce Platform ที่ดีที่สุดในปี 2567
Magento เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างร้านค้าออนไลน์ที่มีความซับซ้อนและยืดหยุ่น สามารถปรับแต่งธีม เลย์เอาต์ และฟีเจอร์ต่างๆ ได้ตามความต้องการ ระบบจัดการสินค้ามาตรฐานระดับสากลทำให้ผู้ขายสามารถจัดการสต๊อกสินค้าได้อย่างมืออาชีพ รองรับการทำงานหลายภาษาและสกุลเงิน ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ Magento ยังมีระบบความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ ช่วยปกป้องข้อมูลลูกค้าและธุรกิจจากภัยคุกคาม

5. Shopify – สร้างร้านค้าออนไลน์ง่ายๆ ในไม่กี่คลิก

แนะนํา 10 E Commerce Platform ที่ดีที่สุดในปี 2567
Shopify เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เน้นความสะดวกสบายสำหรับผู้ขาย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ Shopify มีเครื่องมือที่ช่วยจัดการร้านค้าออนไลน์ได้อย่างครบถ้วน เช่น การตั้งราคาสินค้า การจัดการคำสั่งซื้อ และการจัดส่งสินค้า ระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ อีกทั้งยังมีเทมเพลตที่สวยงามให้เลือกหลากหลาย ผู้ขายสามารถปรับแต่งร้านค้าได้ตามสไตล์และความต้องการ

6. WooCommerce – ปลั๊กอินที่ทรงพลังสำหรับ WordPress

WooCommerce เป็นปลั๊กอินยอดนิยมของ WordPress ที่ช่วยเปลี่ยนเว็บไซต์ธรรมดาให้กลายเป็นร้านค้าออนไลน์ได้ในทันที WooCommerce มีความยืดหยุ่นสูง รองรับการปรับแต่งและเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ เช่น ระบบชำระเงิน การจัดการสต๊อกสินค้า และการติดตามคำสั่งซื้อ นอกจากนี้ยังมีปลั๊กอินเสริมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้กับร้านค้าออนไลน์ ชุมชนผู้ใช้ WooCommerce ยังเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนความรู้ที่ดี ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาร้านค้าได้อย่างต่อเนื่อง

7. BigCommerce – แพลตฟอร์มคลาวด์ที่ใช้งานง่าย

BigCommerce เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซบนคลาวด์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับธุรกิจทุกขนาด ด้วยฟีเจอร์ที่ครอบคลุม เช่น การจัดการคำสั่งซื้อ ระบบชำระเงิน และการจัดส่งสินค้า ผู้ขายสามารถปรับแต่งหน้าร้านและฟีเจอร์ต่างๆ ได้ตามความต้องการ BigCommerce มีแผนราคาหลากหลายที่สามารถเลือกให้เหมาะสมกับขนาดและเป้าหมายของธุรกิจ

8. Ecwid – ตอบโจทย์ร้านค้าที่ไม่มีพื้นฐานการเขียนโค้ด

Ecwid เป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านการเขียนโค้ด ผู้ใช้งานสามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย และใช้งานร่วมกับเว็บไซต์ที่มีอยู่แล้ว เช่น WordPress หรือ Wix นอกจากนี้ยังมีระบบจัดการสต๊อกสินค้า การชำระเงิน และการติดตามคำสั่งซื้อที่ใช้งานง่าย Ecwid รองรับหลายภาษา ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการขายสินค้าในตลาดต่างประเทศ

9. Wix – สร้างเว็บได้ง่ายโดยไม่ต้องเขียนโค้ด

WIX เป็นแพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ที่รองรับทั้งเวอร์ชันฟรีและเวอร์ชันเสียเงิน ผู้ใช้งานสามารถสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซได้โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านโค้ดดิ้ง WIX มาพร้อมเทมเพลตและธีมที่หลากหลาย ช่วยให้ผู้ขายสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ได้ตามสไตล์และความต้องการ อีกทั้งยังรองรับการทำ SEO ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

10. AppMaster – สร้างแอปฯ โดยไม่ต้องเขียนโค้ด

AppMaster เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการสร้างแอปพลิเคชันแบบ No Code ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างแอปฯ ที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ AppMaster มีระบบรักษาความปลอดภัยสูง รองรับการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ แพลตฟอร์มนี้ยังมีแผนราคาหลากหลาย ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่

บทสรุป

บทความนี้แนะนำ 10 แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เหมาะสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ โดยเน้นจุดเด่นและความเหมาะสมของแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น Shopee และ Lazada ที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศไทย เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ Facebook Marketplace เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการขายสินค้าโดยไม่ต้องสร้างเว็บไซต์ Magento และ Shopify เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการฟีเจอร์ที่ยืดหยุ่นและครบวงจร
WooCommerce และ WIX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งเว็บไซต์หรือร้านค้าให้เหมาะกับสไตล์ตนเอง ในขณะที่ BigCommerce และ Ecwid มีความหลากหลายด้านฟีเจอร์และรองรับการขายสินค้าในหลายช่องทาง ส่วน AppMaster เป็นแพลตฟอร์มสร้างแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจที่ต้องการความเฉพาะตัว
การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจออนไลน์และช่วยให้คุณสร้างความสำเร็จในระยะยาว!

บทความที่เกี่ยวข้อง