เมื่อพูดถึง SEO หลายคนอาจนึกถึงเทคนิคต่าง ๆ ที่ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบนผลการค้นหา แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันและไม่ควรมองข้ามคือ Sitemap หรือแผนผังเว็บไซต์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ Search Engine Bot สำรวจและเข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า Sitemap คืออะไร ? สำคัญกับเว็บไซต์อย่างไร และผลกระทบต่อ SEO ของเว็บไซต์อย่างไร ?
หากท่านใดสนใจต้องการมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เราช่วยได้ FIRSTRANK+ บริการรับทำเว็บ WordPress ทุกรูปแบบ
สารบัญ
Sitemap คืออะไร ?
ทำไม Sitemap ถึงมีความสำคัญต่อเว็บไซต์
1. ช่วยให้การจัดทำดัชนีง่ายขึ้น
Sitemap ช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถระบุหน้าเว็บที่สำคัญได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาจำนวนมากหรือมีการอัปเดตเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง เช่น บทความใหม่ หรือสินค้าที่เพิ่มเข้ามาในร้านค้าออนไลน์
2. ช่วยเพิ่มโอกาสในการค้นพบหน้าใหม่
หากเว็บไซต์ของคุณมีหน้าใหม่ที่ยังไม่ได้รับการทำดัชนี การส่ง Sitemap จะช่วยแจ้งเตือนเครื่องมือค้นหาให้รับรู้ถึงการมีอยู่ของหน้าดังกล่าวได้รวดเร็วขึ้น
3. เพิ่มประสิทธิภาพในการนำทาง
สำหรับเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างซับซ้อนหรือมีหมวดหมู่ย่อยที่หลากหลาย การมี Sitemap ช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถเข้าใจและนำทางในเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. การจัดลำดับความสำคัญของเนื้อหา
Sitemap ยังช่วยให้คุณสามารถบอกเครื่องมือค้นหาว่าหน้าใดสำคัญมากกว่าและควรถูกทำดัชนีก่อน โดยการจัดลำดับความสำคัญในไฟล์ XML
ประเภทของ Sitemap
การทำความเข้าใจประเภทของ Sitemap ช่วยให้คุณเลือกสร้าง Sitemap ที่เหมาะสมกับความต้องการของเว็บไซต์ได้มากที่สุด โดยทั่วไปแล้ว Sitemap สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่
1. Sitemap XML
เป็นประเภทที่ใช้บ่อยที่สุด เหมาะสำหรับเครื่องมือค้นหาในการค้นหาหน้าเว็บที่สำคัญ เนื้อหาใน Sitemap XML จะประกอบด้วย URL ของแต่ละหน้าบนเว็บไซต์และข้อมูลเกี่ยวกับการอัปเดต เช่น ความถี่ในการอัปเดตและวันที่อัปเดตล่าสุด
2. Sitemap HTML
Sitemap HTML เป็น Sitemap ที่ออกแบบมาให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์เข้าถึงได้โดยตรง เป็นเหมือนหน้าเว็บหนึ่งที่แสดงลิงก์ไปยังหน้าอื่นๆ บนเว็บไซต์ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถนำทางและค้นหาข้อมูลได้สะดวก
ประเภทพิเศษของ Sitemap
นอกจาก Sitemap XML และ HTML ที่เป็นประเภทพื้นฐานแล้ว ยังมีประเภทพิเศษของ Sitemap ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับเนื้อหาเฉพาะที่มีความสำคัญและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องมือค้นหาในบางกรณี
1. Sitemap สำหรับวิดีโอ (Video Sitemap)
หากเว็บไซต์ของคุณมีการเผยแพร่วิดีโอเป็นจำนวนมาก Video Sitemap ช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถค้นหาวิดีโอเหล่านั้นและแสดงผลในผลการค้นหาวิดีโอได้ง่ายขึ้น
2. Sitemap สำหรับภาพ (Image Sitemap)
Image Sitemap เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีการใช้ภาพอย่างมากมาย เช่น เว็บไซต์สำหรับนักถ่ายภาพ การมี Sitemap สำหรับภาพช่วยเพิ่มโอกาสให้ภาพของคุณปรากฏในผลการค้นหารูปภาพบน Google
3. Sitemap สำหรับข่าว (News Sitemap)
สำหรับเว็บไซต์ที่เผยแพร่ข่าวสาร การสร้าง News Sitemap ช่วยให้บทความข่าวของคุณได้รับการจัดทำดัชนีใน Google News อย่างรวดเร็ว ทำให้ข่าวของคุณมีโอกาสปรากฏในการค้นหาได้มากขึ้น
4. Sitemap สำหรับมือถือ (Mobile Sitemap)
แม้ว่าการจัดทำดัชนีแบบ Mobile-First Indexing จะเป็นมาตรฐานที่ Google ใช้แล้ว แต่ในบางกรณี คุณยังสามารถสร้าง Mobile Sitemap เพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาค้นหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับมือถือได้ง่ายขึ้น
วิธีสร้าง Sitemap ให้กับเว็บไซต์
การสร้าง Sitemap ให้กับเว็บไซต์ของคุณสามารถทำได้ง่ายและมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่คุณใช้งาน สำหรับคนที่ใช้ CMS (Content Management System) อย่าง WordPress หรือ Joomla การสร้าง Sitemap นั้นทำได้สะดวกมากผ่านปลั๊กอินหรือเครื่องมือที่มีให้ใช้งาน
1. การใช้ปลั๊กอิน WordPress
สำหรับผู้ที่ใช้ WordPress คุณสามารถใช้ปลั๊กอินอย่าง Yoast SEO หรือ Google XML Sitemaps ซึ่งปลั๊กอินเหล่านี้จะช่วยสร้าง Sitemap โดยอัตโนมัติและอัปเดตเมื่อคุณเพิ่มหรือแก้ไขเนื้อหาในเว็บไซต์
2. การสร้าง Sitemap ด้วยมือ
สำหรับเว็บไซต์ที่ไม่ได้ใช้ CMS การสร้าง Sitemap ด้วยมือจะต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคเล็กน้อย คุณสามารถสร้างไฟล์ XML ด้วยเครื่องมือสร้าง Sitemap ออนไลน์ เช่น XML-sitemaps.com หรือใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะทางเพื่อสร้างไฟล์ Sitemap แล้วอัปโหลดไปยังโฟลเดอร์หลักของเว็บไซต์
3. การส่ง Sitemap ไปยัง Google Search Console
หลังจากที่คุณสร้าง Sitemap แล้ว การส่ง Sitemap ไปยัง Google Search Console เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด Google จะรับทราบถึงการมีอยู่ของ Sitemap และทำดัชนีเว็บไซต์ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลของ Sitemap ต่อ SEO
Sitemap มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุง SEO ของเว็บไซต์และช่วยให้เครื่องมือค้นหาค้นพบหน้าเว็บที่สำคัญ ซึ่งสามารถเพิ่มโอกาสในการติดอันดับในหน้าแรกของผลการค้นหาได้ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Sitemap สามารถส่งผลต่อ SEO ได้ดังนี้
1. ช่วยให้เว็บไซต์ถูกค้นพบได้เร็วขึ้น
การมี Sitemap ช่วยให้หน้าเว็บถูกจัดทำดัชนีได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเว็บไซต์ใหม่หรือเว็บไซต์ที่มีการเพิ่มเนื้อหาใหม่อย่างสม่ำเสมอ Sitemap จะช่วยแจ้งให้เครื่องมือค้นหารับทราบถึงการเปลี่ยนแปลงนี้
2. การทำดัชนีหน้าเว็บอย่างถูกต้อง
Sitemap ช่วยลดความเสี่ยงที่หน้าเว็บสำคัญจะถูกละเลยหรือไม่ได้รับการทำดัชนี นอกจากนี้ยังช่วยลดการทำดัชนีหน้าที่ไม่จำเป็นหรือหน้าที่ไม่ต้องการให้แสดงในผลการค้นหา เช่น หน้าล็อกอินหรือหน้าที่เป็นหน้า 404
3. การเพิ่มประสิทธิภาพลิงก์ภายใน
Sitemap ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของลิงก์ภายใน (Internal Links) ทำให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น การเชื่อมโยงเนื้อหาภายในยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO โดยรวมอีกด้วย
4. การแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลงในเว็บไซต์
เมื่อมีการปรับปรุงเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณ การส่ง Sitemap ใหม่ให้กับเครื่องมือค้นหาจะช่วยให้เครื่องมือค้นหารับทราบถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ และจัดทำดัชนีใหม่ได้อย่างรวดเร็ว